ตั้งค่าสำรองรูปถ่ายแบบอัตโนมัติไปยัง Dropbox ใน Android

Dropbox เป็นเวบไซต์สำรองข้อมูลบน Cloud ที่หลายๆ คนนิยมใช้ ดิฉันเองก็เป็นอีกคนที่ใช้ Dropbox ในการสำรองข้อมูล  วันนี้มาตั้งค่าการสำรองข้อมูลภาพถ่าย จากมือถือ smartphone หรือ แทบเลตระบบปฏิบัติการ Android ของเราไปยัง Dropbox แบบอัตโนมัติกันดีไหมคะ  เผื่อวันใด วันหนึ่ง ฉุกเฉิน มือถือหาย ตกน้ำ หรือเผลอลบรูปถ่าย เราก็ยังสามารถเรียกภาพถ่ายจาก Dropbox มาใช้งานได้   น่าจะเป็นอีกแนวทางสำหรับการเก็บข้อมูลสำคัญ ๆ อยากภาพถ่ายที่ประทับใจทั้งหลายไว้ค่ะ

1. ในการตั้งค่าการสำรองรูปภาพแบบอัตโนมัติไปยัง Dropbox จำเป็นต้องสมัครสมาชิก Dropbox และ ดาวน์โหลด app ใน Playstore มาก่อนนะคะ ต่อจากนั้น แตะไปที่ app Dropbox  ล็อกอินเข้าใช้งาน

2. แตะไปที่ไคอน  ขวามือ เลือก  การตั้งค่า (Settings)

 

3. แตะไปที่ Turn on camera Upload เพื่อตั้งค่าการสำรองไฟล์รูปภาพโดยอัตโนมัติจากมือถือ หรือ แทบเลต ระบบ Android ไปยัง Dropbox

4 .ตั้งค่า How to upload   อาจเลือก  Upload เมื่อใช้ Wi-Fi เท่านั้น (เหมาะสำหรับคนที่ไม่ได้ใช้ Package data แบบ Unlimited) หรือจะให้ upload ได้ทั้งตอนใช้ Wi-Fi และต่อ GPRS/EDGE/3G

หากเลือกแบบ User data plan ก็ต้องมาเลือกว่า อัพโหลดเฉพาะ ไฟล์ที่มีขนาดเล็กกว่า 25 MB (Only for files under 25 MB ) หรืออัพโหลดทุกไฟล์ (For all files)

5. ตั้งค่า What to upload  เพื่อเลือกว่าจะให้อัพโหลดอะไรบ้าง  อาจเลือกเป็น Photos and video เมื่อต้องการให้อัพโหลดสำรองไว้ทั้งภาพและวีดีโอ หรืออาจเลือก Photo only เมื่อต้องการอัพโหลดเพียงภาพถ่ายเท่านั้น

เอาหล่ะค่่ะ เมื่อตั้งค่าอื่น ๆ เสร็จแล้ว ทุกครั้งที่ ถ่ายรูปเสร็จ แล้วมือถือหรือ แทบเลต ของเรา ต่ออินเตอร์เน็ต ( ตามเงื่อนไขที่เราตั้งไว้ในตอนแรก) รูปทั้งหมดก็จะไปอยู่ใน cloud Dropbox ของเรา  ทันทีค่ะ

สำรองรูปภาพไปยัง Google Drive โดยอัตโนมัติใน Smartphone

เพื่อเป็นการสำรองภาพถ่ายของเรา ไปเก็บไว้ใน Google drive โดยอัตโนมัติ  เผื่อฉุกเฉินหากวันใด โทรศัพท์ หรือ Tablet ระบบปฏิบัติการ Android หาย  เกิดเผลอลบภาพถ่าย โทรศัพท์ตกน้ำ หรือเกิดเหตุการณ์อื่นๆ ที่ทำให้ข้อมูลภาพถ่ายของคุณสูญหายไป วันนี้มาตั้งค่าสำรองรูปภาพไปเก็บไว้ใน Google drive  โดยอัตโนมัติกันดีกว่าค่ะ

ขั้นตอนตั้งค่าสำรอง ( backup) ภาพถ่ายไปยัง Google  drive  มีวิธีการง่ายๆดังนี้ค่ะ

1.  เปิดแอปรูปภาพ

2.  แตะปุ่มหรือไอคอนเมนู แล้วเลือกการตั้งค่า (Settings)

แตะการสำรองข้อมูลอัตโนมัติ  (Auto backup ) เพื่อตั้งค่าการปิดหรือเปิดการสำรองข้อมูลอัตโนมัติ

ลาก On เมื่อต้องการเปิดการสำรองอัตโนมัติรูปภาพแบบอัตโนมัติไปยัง goolge plus  แต่ถ้าหากคุณต้องการปิดการสำรองข้อมูลแบบอัตโมัติ ก็เพียงเลื่อนจาก On มาเป็น Off ก็จะเป็นการปิดการสำรองข้อมูลแล้วค่ะ

ค้นหาเวบไซต์ที่คล้ายๆ กัน Google Chrome

บทความที่แล้วเขียนถึงเรื่องการค้นหาเวบไซต์ที่มีเนื้อหาใกล้เคียง หรือสอดคล้องกับเวบที่เปิดอยู่  บนเวบบราวเซอร์ Firefox วันนี้ มานำเสนอวิธีค้นหาเวบไซต์ที่มีเนื้อหาคล้ายๆ กับเวบไซต์ที่เปิดอยู่บนเวบบราวเซอร์ Google Chrome ซึ่งก็มีวิธีการคล้ายๆ กันค่ะ

 

การค้นหาเวบไซต์ที่คล้ายกันนี้ จำเป็นต้องติดตั้งส่วนขยาย ซึ่งเป็นโปรแกรมเสริมเล็ก ๆบน Google Chrome  ที่มีชื่อว่า Similar Site  ให้ใช้เวบบราวเซอร์ Google Chorme เปิดไปติดตั้ง  โดย คลิ๊กเข้าไปที่ + เพื่อเริ่มติดตั้งส่วนขยายดังกล่าว

คลิ๊ก  Add เพื่อเริ่มการดาวน์โหลดและติดตั้ง

เมื่อการติดตั้งเสร็จสิ้น จะปรากฏไอคอนตัว s เล็ก ๆบนเวบบราวเซอร์ Google Chrome เมื่อต้องการค้นหาเวบไซต์ที่คล้ายๆ กับเวบที่เปิดอยู่ปัจจุบัน ก็เพียงคลิ๊กที่ไอคอน ดังกล่าว ก็จะมีรายชื่อของเวบไซต์ที่มีเนื้อหาคล้ายๆ กันให้เราเข้าไปค้นข้อมูลเพิ่มเติมได้ค่ะ  ดาวน์โหลดส่วนขยายได้ที่ Similar Sites - Chrome เว็บสโตร์

การค้นหาเวบไซต์ที่มีเนื้อหาคล้ายๆ กันบน Firefox

เนื่องงานที่ทำจำเป็นต้องใช้ความสามารถในการค้นหาข้อมูล  ยิ่งค้นได้มาก ก็ยิ่งนำไปทำประโยชน์ได้มาก ประหยัดเวลาและรวดเร็ว   วันนี้นำเทคนิคการค้นหาข้อมูลจากเวบไซต์ที่คล้าย ๆ เป็นเรื่องเดียวกันเช่น บทความเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์  เวบบอร์ดที่คล้ายๆ กัน ทำให้เราสามารถค้นหาข้อมูลได้รวดเร็วขึ้น เอามาร่วมแชร์ค่ะ

เพียงใช้เครืองมือเล็ก ๆ เป็นโปรแกรมเสริมที่ติดบนเวบบราวเซอร์ ที่มีชื่อว่า Similar Sites เปิดเวบใด แล้ว อยากค้นเรื่องที่คล้าย ๆ เวบนั้นก็เพียงคลิ๊กที่ไอคอน Similar Sites บนเวบบราวเซอร์ของคุณ  ซึ่งมีทั้ง Google Chrome และ Firefox แต่วันนี้ขอเล่าในส่วนของ Firefox กันค่ะ

 

วิธีติดตั้งและใช้งาน Similar  Sites ใน Firefox ก็เพียงพิมพ์  about:addons ลงบนช่อง Url ใน firefox แล้วกด Enter

หน้าของส่วนขยายใน Firefox ปรากฏขึ้น พิมพ์ค้นหา Similarsite

จะปรากฏ Similar Site ปรากฏขึ้น  คลิ๊ก ติดตั้ง Addon  หลังจากนั้นก็รีสตารท์ Firfox  คือปิด Firefox แล้วเปิดใหม่

หลังจากเริ่มต้นเปิดใช้งาน Firefox อีกครั้ง จะพบไอคอนของ similar site อยู่มุมบนเวบบราวเซอร์  เมื่อต้องการค้นหาเวบไซต์ที่มีเนื้อหาคล้าย ๆ กับเวบที่เปิด เพียงคลิ๊กที่ไอคอนนั้น โปรแกรมเสริม(addon) Similar Site  ก็จะแสดงผลเวบไซต์ที่มีเนื้อหาใกล้เคียงมาให้เราทราบ    ง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก แต่มากประโยชน์เชียวหล่ะ ทดลองใช้งานกันดูนะคะ 

ล้างประวัติการใช้งาน Google Chrome ใน Android

การล้างประวัติการใช้งานในเวบบราวเซอร์จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของอุปกรณ์ใช้งานเราได้มากขึ้น  ทั้งใน คอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ smartphone ,tablet ก็เช่นกัน วันนี้จึงนำวิธีการล้างประวัติการใช้งานในเวบบราวเซอร์ Google Chrome ในอุปกรณ์ smartphone หรือ tablet ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android มาฝากค่ะ

บทความที่เกี่ยวข้อง  การลบประวัติการใช้งานใน Google Chrome ใน Windows

1.เปิดเวบบราวเซอร์ Google Chrome ในระบบปฏิบัติการ Android คลิ๊กที่ไอคอนเล็ก ๆ ขวามือ มุมบนดังภาพ

2. กดเลือก Settings

3.กดเลือก Privacy

4. กดเลือก Clear  browsing data

5. ต่อจากนั้นเลือกลบว่าจะเคลียร์อะไรออกบ้าง อาจเลือกลบทั้งประวัติการใช้งานเวบบราวเซอร์ ( Clear  browsing history)   ลบ cache ,cookies  เพื่อลบไฟล์ขยะออกไปบ้าง   หลังจากเลือกสิ่งที่ต้องการลบออก เลือก clear

เพียงเท่านี้ ไฟล์ขยะทั้งหลายจะถูกลบออกไป  เพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมุลใน อุปกรณ์ Android ได้มากขึ้น  นั่นหมายถึงประสิทธิภาพในการใช้งานอุปกรณ์ดังกล่าวค่ะ

เพิ่มบัญชี Google หลายๆบัญชีในsmartphone หรือ Tablet

ตั้งแต่ครั้งแรกที่ในงาน Android ใน อุปกรณ์ smartphone จะเห็นว่าต้องล็อกอินเข้าใช้งานโดยใช้บัญชีของกูเกิ้ล ( Google account) แต่สำหรับใครที่มีบัญชีของ Google หลายๆบัญชี ก็สามารถล็อกอินเข้าใช้งานผ่าน อุปกรณ์ Android ในเครื่องเดียวได้ค่ะ นั่นง่ายขึ้นเพราะ เช็คเมล์ได้หลาย ๆ แห่ง     ซึ่งวิธีการใช้งานหลายๆ บัญชีของ Google ในอุปกรณ์ smartphone หรือ tablet เครื่องเดียวมีขั้นตอนดังนี้

1. เข้าไปที่เมนู Settings

2. เลือก add  account

3. เลือกที่ Google

4. กดไปที่ Existing  เพื่อเลือกเพิ่มบัญชีของ Google

5. ใส่อีเมล์ของ Gmail หรือ บัญชีของ Google พร้อมรหัสผ่าน ( password ) กดถัดไป

6. เลือก ok

7. รอสักครู่สำหรับการล็อกอินเข้าใช้งาน

8.เอาหล่ะ เข้าใช้งานได้เรียบร้อย กดไอคอนถัดไป เพื่อเริ่มต้นใช้งาน บัญชีของ Google ในอุปกรณ์  smartphone หรือ tablet เครื่องนี้ได้แล้วค่ะ

เพิ่มความเร็ว (speed)ให้กับวีดีโอด้วย Camtasia Studio

บทความที่แล้วเขียนเรื่องของการใช้ โปรแกรม Camtasia  Studio ในการลดเสียงรบกวน (Remove  Noise ) มาแล้ว วันนี้มาต่อด้วยการเพิ่มความเร็ว ( Speed) ให้กับวีดีโอ  ดิฉันใช้วิธีนี้ในการตัดต่อวีดีโอแล้ว ปรากฏว่าบางช่วงอยากให้มันแสดงผลอย่างรวดเร็ว  จึงทำให้ได้เรียนรู้วิธีการ  วันนี้เอามาร่วมแชร์ค่ะ

วิธีการในการเพิ่มความเร็วให้กับวีดีโอด้วยโปรแกรม Camtasia  Studio มีวิธีการดังนี้

1, เปิดไฟล์วีดีโอที่ต้องการปรับแต่งความเร็ว    แล้วลากวีดีโอดังกล่าวมาวางใน Timeline ดังรูปด้านบน

2. คลิ๊กขวาที่แถบวีดีโอนั้น  เลือก  Clip  speed

3. เลือกปรับแต่ง ค่า % of original  clip  speed  ซึ่งค่าเริ่มต้นจะอยู่ที่ 100 หลังการปรับค่าคลิ๊ก ok

4. ดูการแสดงผลที่ด้านขวามือของโปรแกรม  คลิ๊ก Play ลองดูว่าการแสดงผลใช้ได้หรือเปล่า

 

5. หากต้องการให้แสดง speed ในวีดีโอเป็นบางช่วง อาจใช้วิธีการ  ตัดวีดีโอออกเป็นตอน  โดยลาก ปุ่ม เขียวแดง ซึ่งอยุ่ด้านบน Timeline  ไปถึงช่วงที่ต้องการให้ตัด  แล้วคลิ๊ก split เพื่อตัดวีดีโอเป็นตอน ๆ

6. จากนั้นเลือกตอนที่ต้องการปรับแต่งความเร็วของวีดีโอ  คลิ๊กขวา แล้วเลือก clip speed เพื่อปรับแต่งค่าความเร็ว ดังขั้นตอนที่ 3

เพียงเท่านี้ความเร็วในวีดีโอก็จะเปลี่ยนไป  หากต้องการให้ช้า ก็ปรับลดความเร็วลง หากต้องการให้วีดีโอแสดงผลเร็วขึ้น ก็เพิ่มความเร็วให้มากขึ้น  ทดลองนำวิธีการไปใช้งานกันดูนะคะ 

ตัดเสียงรบกวนจากการบันทึกวีดีโอใน Camtasia Studio

ช่วงนี้มีโอกาสใช้งานบันทึกเสียง   เพื่อตัดต่อวีดีโอมากขึ้น  นั่นทำให้เกิดการเรียนรู้ขึ้นเรื่อย ๆ  และวันนี้เอาส่ิงที่ได้เรียนรู้มาแชร์   นั่นคือการใช้โปรแกรม Camtasia studio ซึ่งเป็นโปรแกรมทีช่วยบันทึกวีดีโอ และะตัดต่อวีดีโอ   วันนี้นมาตัดเสียงรบกวนจากการบันทึกเสียง  โดยไม่ต้องใช้โปรแกรมอื่น  ซึ่งปกติดิฉันเคยใช้ Audacity  นี่เป็นบทเรียนบทใหม่ของดิฉันที่ทราบว่า Camtasia ก็สามารถลดเสียงรบกวนได้เช่นเดียวกัน

วิธีการในการลดเสียงรบกวนจากการบันทึกวีดีโอ   มีดังนี้ค่ะ

1.เปิดเลือกไฟล์วีดีโอที่ต้องการลดเสียงรบกวนขึ้นมา  ลากวีดีโอดังกล่าวไปวางใน Timeline  ของโปรแกรมดังรูป

2.`คลิ๊กที่แถบ Audio  เพื่อเลือกปรับแต่งเสียง

3. นำเมาส์คลิ๊กที่แถบวีดีโอ ให้ขึ้นแถบสีดังภาพด้านบน  แล้วเลื่อนไปเลือกเมนุ  Enable  noise  removal   ต่อจากนั้นจะปรากฏแถบการตัดเสียงรบกวนจากการบันทึกให้โดยอัตโนมัติ 

 

4. คลิ๊กเล่นที่แถบการแสดงผลของโปรแกรม   ถ้าหากผลของการลดเสียงรบกวนยังไม่เป็นที่พอใจ

5. ให้คลิ๊กที่เมนู  Advanced  ต่อจากนั้นเลือกแถบ สไลด์บาร์ จากค่ามาตรฐาน 50 เพื่อเลือกดูช่วงของเสียงที่มีการแสดงผลที่พอใจ  โดยลองเลื่อนแถบ  แล้วคลิ๊ก Play จากหน้าต่างการแสดงผลของโปรแกรม Camtasia Studio ฟังดูค่ะ

ค่ะทั้งหมดนี้คือวิธีการลดเสียง Noise หรือเสียงรบกวนในวีดีโอ  ลองนำวิธีการไปปรับใช้กันดูนะคะ 

บทความที่เกี่ยวข้อง

แยกเสียงออกจากวีดีโอด้วยโปรแกรม Camtasia studio