วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2557
มาสำรองภาพถ่ายและวีดีโอใน facebook แบบออนไลน์กันดีกว่า
หนึ่งในเวบไซต์ที่ดิฉันใช้บริการสำรอง ( backup ) รูปภาพและวีดีโอในเฟสบุ๊คคือเวบไซต์ idrive เป็นเวบไซต์ที่ให้บริการสำรองข้อมูล ฟรี 5GB หากต้องการใช้มากกว่านี้ก็ต้องจ่ายเงินสมัครเป็นสมาชิก และที่เด่น ๆ คือบริการสำรองภาพและวีดีโอในเฟสบุ๊คได้โดยตรง ไม่ต้องดาวน์โหลดโปรแกรมมาติดตั้ง (หากต้องการ sync โดยสำรองข้อมูลจากเครื่องคอมของเราก็ต้องติดตั้งโปรแกรม ) เวบไซต์ idrive สำรองรูปภาพ อัลบั้ม แม้แต่ภาพที่มีแท็กของเราก็ถูกสำรองเก็บไว้ แต่ไม่เก็บข้อมูลรายละเอียดหรือข้อความต่าง ๆ สำรองเฉพาะภาพและวีดีโอค่ะ
หลังจากเชื่อมต่อเพื่อสำรองข้อมูลจาก facebook แล้ว รอสักครู่ เวบไซต์จะทำการสำรองข้อมูลให้ จนกระทั่งเสร็จสิ้น สามารถเข้าไปเปิดดูรุปภาพและวีดีโอที่ถูกสำรองไว้ เพื่อฉุกเฉินได้แล้วค่ะ
บริการแบบนี้ก็ดีไปอย่าง ฟรีพื้นที่เก็บ 5GB ต่อให้ facebook โดนแบน ก็ยังจะมีภาพและวีดีโอเก็บไว้ให้ใช้งานได้อีก เข้าไปทดลองใช้บริการได้ที่ idrive
วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2557
อัพโหลดภาพจากคอมพิวเตอร์ไป Instagram ด้วย Dropbox
ดิฉันได้มีโอกาสไปเที่ยวกัมพูชามาค่ะ ไปที่เมืองเสียมเรียบ เก็บภาพที่ตนชอบใจได้มาบ้าง เพราะตอนที่ไปฝนตก เลยถ่ายรูปได้ไม่มาก แต่ก็อยากเอาอวดแชร์บน Instagram อย่างคนอื่นๆ เค้าบ้าง กล้องดิจิตอลธรรมดา ไม่มีเทคนิคอะไรเพิ่มเติม แต่หล่อน อยากโชวอ่ะ อิอิ เพราะไม่ได้ถ่ายรูปผ่านมือถือ แต่ถ่ายผ่านกล้องดิจิตอลวิธีที่ง่ายที่สุดคือ อัพรูปภาพเครื่องคอมพิวเตอร์ไปยัง Instagram จะง่ายกว่า เคยนำเสนอวิธีการอัพโหลดรูปภาพจากโปรแกรม Bluestack และโปรแกรม Gramblr ไปยัง Instagram ไปแล้ว วันนี้มาลองดูวิธีใหม่กันค่ะ ว่าดิฉันมีอีกวิธีที่จะอัพโหลดภาพถ่ายจากเครื่อง pc ไปยัง Instagram ได้อีกทาง
1. วิธีที่ดิฉันใช้คือใช้เวบฝากไฟล์ Cloud Service ที่ Dropbox ค่ะ เพราะว่าดิฉันใช้วิธี syns กับเครื่อง PC อยู่ คลิ๊กไปที่โฟลเดอร์ My Dropbox แล้้วสร้าง Folderใหม่ ใน dropbox ขึ้นมา ดังภาพ ดิฉันสร้างโฟลเดอร์ใหม่เป็น sub folder ใน My dropbox >Camera Uploads >Turn to Cambodia
2. ต่อจากนั้นนำภาพที่ต้องการแชร์ใน Instagram มาวางในโฟลเดอร์ (Turn to Cambodia) ที่สร้างขึ้นมา
3. ต่อจากนั้นหยิบมือถือ smartphone หรือ tablet ระบบปฏิบัติการ Android ที่มี app dropbox และ app instagram ขึ้นมา เปิด app instagram
4. แชร์รุปภาพด้วยการแตะเครื่องหมาย + มุมขวา หนึ่งครั้ง
5. เลือกแตะ Dropbox เพื่อนำภาพจาก Dropbox อัพโหลดไปยัง Instagram
6.เปิดไปยังแหล่งเก็บรุปภาพที่ต้องการนำไปใช้ใน Instagram ต่อจากนั้น ต้องการอัพโหลดแชร์ภาพใด คลิีกที่เหมือนหมายลูกศรกลับหัวด้านขวาของภาพ หนึ่งครั้ง เลือก share ดังภาพด้านบน
7. Crop ลากภาพให้ได้ขนาดพอเหมาะ ปรับแต่ตามใจชอบ คลิ๊กเครื่องหมายลูกศรถัดไปมุมขวามือบน
8. เลือก Share to followers หรือ แบบ Drirect ต่อจากนั้นเติมรายละเอียดอธิบายรูปภาพ เสร็จแล้วแตะที่เครื่องหมายถูกสีเขียว ๆ มุมขวามือ ก็เป็นอันอัพโหลดภาพจาก pc ไปยัง Instagram โดยใช้ Dropbox ได้สำเร็จแล้วค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง
1.กล่องเก็บข้อมูลออนไลน์ ใน Dropbox http://www.aphsara.com/2011/11/dropbox.html
2. โปรแกรมฟรีอัพโหลดรูปภาพไปยัง Instagram http://www.aphsara.com/2014/06/pc-instagram.html
3. การใช้โปรแกรม Bluestack อัพโหลดรูปภาพไปยัง Instagram http://www.aphsara.com/2013/11/pc-instagram.html
เซ็นเซอร์หน้าคนหรือวัตถุอื่นในภาพถ่ายโดยไม่พึ่งโปรแกรม
ถึงไม่ใช้งาน Photoshop ขั้นเทพ แต่โปรแกรมอื่นที่ใช้แต่งภาพแบบง่ายอย่าง Photoscape ก็พอกล้อมแกล้มใช้งานแทนได้ แต่วันนี้เทคโนโลยีก้าวไกลเมื่อมีอินเตอร์เน็ตมาให้คนบ้านป่าใช้ ดิฉันเลยได้ทดลองใช้เวบไซต์แต่งภาพออนไลน์ ใช้ดีจึงบอกต่อ วันนี้มาเล่าถึงวิธีการเซ็นเซอร์ภาพหน้าคน หรือวัตถุอืนในภาพถ่าย ที่คุณไม่อยากจะโชว์ มีเหตุจำเป็นต้องเซนเซอร์ไว้ หรือเหตุผลใดก็ตาม ด้วยเวบไซต์ออนไลน์ ไม่ต้องใช้โปรแกรม ไม่ยุ่งยากกันอีกต่อไปแล้วค่ะ
แต่ถ้าหากเพื่อนท่านใด เน็ตช้า อาจลองใช้โปรแกรมฟรีใช้งานง่าย อย่าง Photoscape เซ็นเซอร์ใบหน้าคนได้ โดยอ่านวิธีการจากบทความนี้ค่ะ http://www.aphsara.com/2012/07/sensors-photoscape.html
เวบไซต์ที่ดิฉันนำเสนอสำหรับการนำมาตัดแต่งภาพถ่าย โดยทำการเซ็นเซอร์หน้าคนคือเวบไซต์ Pixlrซึ่งเคยนำเสนอวิธีการลบลายน้ำในภาพถ่ายมาแล้ว สำหรับวิธีการง่ายๆ มีดังนี้ค่ะ
1. เปิดเวบไซต์ Pixlr เลือกวิธีการนำภาพถ่ายมาทำเซนเซอร์ วันนี้ดิฉันยกตัวอย่างภาพจาก facebook ของตนมาทำการเซนเซอร์หน้า จึงเลือกที่ Open image form url ซึ่งหากคุณจะอัพโหลดจากเครื่องคอมพิวเตอร์ ก็เลือกไปที่ Open image form computer ค่ะ
2. คลิ๊กขวาที่ภาพที่ต้องการนำมาเซ็นเซอร์เลือก Copy image location ซึ่งคุณสามารถคัดลอกภาพบนอินเตอร์เน็ต จากเวบใดก็ได้นำมาปรับแต่ง
3 วาง url ที่คัดลอกมาลงในช่อง url ต่อจากนั้น คลิ๊ก ok เป็นการเปิดภาพถ่ายมาปรับแต่งค่ะ
4. เลือกเครื่องมือ Marquee tool หรือ lasso tool มาเลือกบริเวณที่ต้องการเซ็นเซอร์ เป็นสี่เหลี่ยมหรือวงกลมก็ได้
5 ต่อจากนั้นเลือก เมนู Filter > Pixelete
6. ปรับแต่ง Cell size ให้ได้ขนาดการเซนเซอร์ตามที่ต้องการ คลิ๊ก ok
7. หลังได้ภาพที่เซ็นเซอร์หน้าคนหรือวัตถุที่ต้องการแล้ว อย่าลืมบันทึกภาพไปใช้งานค่ะ โดยไปที่ File > save
8.ตั้งชื่อภาพ เลือกรูปแบบ ( Format ) เลือกคุณภาพของรุปภาพ ( QUALITY ) และเลือกแหล่งที่ต้องการเก็บไฟล์ไปใช้งาน ซึ่งอาจเลือกดาวน์โหลดลงคอมพิวเตอร์ (My computer ) หรือเก็บที่ facebook,flickr,picasa หรือหากเป็นสมาชิกของ pixlr อาจเลือกเก็บใน Pixlr library หลังจากตั้งค่าเสร็จ คลิ๊ก oK
เพียงเท่านี้ภาพที่คุณต้องการนำมาเซ็นเซอร์ก็ใช้งานได้จริง แบบง่ายๆ ไม่ต้องพึ่งพาโปรแกรมเรียบร้อยแล้วค่ะ
วันจันทร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2557
ใช้งาน Google Translate แบบ Offline ใน Android
ไปดาวน์โหลด Google Translate มาไว้ใช้แปลภาษาบน มือถือ Smartphone ของตน กะเอาไว้ช่วยแปลภาษา แต่ว่า พอไม่ได้เชื่อมต่อเน็ต ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร แปลภาษาไม่ได้เสียนี่ วันนี้พึ่งได้ความรู้มาใหม่ Google Translate ที่ช่วยแปลภาษาของ Google สามารถใช้งานแบบ Offline คือไม่ต้องเชื่อมต่อเน็ต ก็สามารถแปลภาษาบนมือถือ smartphone หรือ Tablet ระบบปฏิบัติการ Android ได้แบบสบาย ๆ โดยใช้วิธีดาวน์โหลด Language Pack ซึ่งมีวิธีการดาวน์โหลดเพื่อใช้งานแปลภาษาด้วย Google Translate ดังนี้ค่ะ
1. เปิดอุปกรณื Android ของคุณ เลือกแตะเลือกไปที่ไอคอนของ Google Translate ดังภาพด้านบน
2. ไปที่เมนูขวามือบน แตะเลือก จะปรากฏเมนุย่อยเลื่อนมา ให้เลือก Offline languages
3 ต่อจากนั้นจะปรากฏภาษาต่างๆ ให้เลือก หากคุณต้องการเลือกดาวน์โหลดภาษาใดที่ต้องการใช้แปล แตะไปที่ไอคอนปักหมุดเพื่อเลือกดาวน์โหลดภาษานั้น ๆ จากตัวอย่างดิฉันเลือก ภาษาไทย เพราะแปลอังกฤษเป็นไทยบ่อยๆ นอกนั้นไม่ค่อยได้ใช้
4. หลังจากนั้นจะปรากฏหน้าต่าง ถามการดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่ เพราะ Language pack มีขนาดไฟล์ใหญ่พอสมควรค่ะ แตะเลือก Ok
5. หลังการดาวน์โหลดเสร็จสิ้น คุณ ๆ ก็จะสามารถใช้งาน Google tranlsate ในการแปลภาษาแบบ Offline ได้ตามต้องการ สามารถเลือกดาวน์โหลดได้หลายภาษา แต่ในการใช้งานแบบ Offline บางฟังก์ชั่น เช่น ความสามารถในการออกเสียง ใช้งานไม่ได้ แต่หากต้องการเพียงเพื่อแปลภาษา จากการทดลองใช้แล้ว ใช้งานได้ดีทีเดียวค่ะ