วันอังคารที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2566

การค้นหาและคืนค่ามาหลายคอลัมภ์ใน Excel

 เราจะใช้คำสั่ง Vlookup ในการค้นหาข้อมูลใน Excel โดย Vlookup มีรูปแบบคำสั่งดังนี้

=VLOOKUP("lookup_value", lookup_range, {col1, col2, col3...}, [match])`¹ `

โดย   lookup_value` คือค่าที่คุณต้องการค้นหาในแนวตั้ง และ  `lookup_range` คือช่วงข้อมูลสำหรับค้นหา `lookup_value` และค่าที่ตรงกัน¹ 

ตัวอย่างการใช้งาน

Employee IDNameDepartmentSalary
1JohnSales5000
2JaneMarketing6000
3BobIT7000
4LilyHR8000


จากตาราง ในเซลล์แรกของตารางใหม่ที่คุณต้องการแสดงชื่อ ให้ป้อนสูตร =VLOOKUP(A2,$A$2:$D$5,{2,3,4},FALSE) โดย

ที่ A2 คือเซลล์ที่มี รหัสพนักงานที่คุณต้องการค้นหา 

$A$2:$D$5 คือช่วงของตารางข้อมูลพนักงาน 

{2,3,4} หมายความว่าคุณต้องการคืนค่าจากคอลัมน์ 2 (ชื่อ), 3 (แผนก), และ 4 (เงินเดือน)

 และ FALSE หมายความว่าคุณต้องการการจับคู่แบบตรงทั้งหมด

กด Enter เพื่อรับผลลัพธ์

ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณป้อนรหัสพนักงาน 2 ในเซลล์ A2 สูตรจะส่งกลับ Jane, Marketing และ 6000 ในเซลล์ที่คุณป้อนสูตร





วันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

การจัดรูปแบบเซลล์ใน Custom ให้มีสีใน Excel

 

หากต้องการจัดรูปแบบตัวเลขให้มีสีหรือเงื่อนไข คุณสามารถใช้ custom format และใส่โค้ดสีหรือเงื่อนไขได้  วิธีการคือ

  • เลือกเซลล์ที่ต้องการจัดรูปแบบ
  • คลิกขวาแล้วเลือก Format Cells
  • เลือกแท็บ Number แล้วเลือกประเภท Custom
  • ในช่อง Type ให้พิมพ์โค้ดรูปแบบตัวเลขที่ต้องการ เช่น [Red]0.00;[Blue]-0.00;[Green]0
  • คลิก OK

โค้ดสีที่ใช้ใน custom format มีดังนี้

  • [BLACK], [BLUE], [CYAN], [GREEN], [MAGENTA], [RED], [WHITE], [YELLOW]
  • [COLOR 1-56] เป็นสีที่กำหนดจาก Theme Color

โค้ดเงื่อนไขที่ใช้ใน custom format มีดังนี้

  • ; (เครื่องหมายอัญประกาศ) ใช้แยกส่วนของ custom format เป็นสี่ส่วน คือ positive;negative;zero;text
  • [] (วงเล็บเหลี่ยม) ใช้กำหนดเงื่อนไขที่ต้องการ เช่น [<100]0.00;[>=100]0.0
  • ? (เครื่องหมายคำถาม) ใช้แทนตำแหน่งของตัวเลขที่ไม่จำเป็นต้องแสดง เช่น ??.??;???.??

ตัวอย่างการใช้ custom format เพื่อจัดรูปแบบตัวเลขตามสีหรือเงื่อนไข

ตัวเลขCustom FormatResult
12.34[Red]0.00;[Blue]-0.00;[Green]0Red color with 12.34
-12.34[Red]0.00;[Blue]-0.00;[Green]0Blue color with -12.34
0[Red]0.00;[Blue]-0.00;[Green]0Green color with 0
ABC[Red]0.00;[Blue]-0.00;[Green]0No color with ABC
99[<100]0.00;[>=100]0.0Two decimal places with 99.00
100[<100]0.00;[>=100]0.0One decimal place with 100.0
-5??.??;???.??Two spaces before -5
-50??.??;???.??One space before -50

 

การใส่เลข 0 หน้าตัวเลขใน Excel

วิธีหนึ่งในการเติมเลข 0 หน้าตัวเลขใน excel คือการเปลี่ยนรูปแบบของตัวเลขให้เป็น custom ใน excel ซึ่งก็คือการกำหนดรูปแบบตัวเลขที่ไม่มีให้เลือกในรูปแบบมาตรฐาน โดยใช้โค้ดรูปแบบตัวเลขที่มีความหมายต่างกัน เช่น

  • 0 แสดงตัวเลขออกมาเสมอ ถ้าไม่มีจะเติมศูนย์
  • แสดงตัวเลขออกมาเฉพาะที่จำเป็น ถ้าไม่มีจะไม่แสดง

  • . แสดงจุดทศนิยม
  • , แสดงเครื่องหมายคอมม่า
  • % แสดงเปอร์เซ็นต์
  • E+ E- e+ e- แสดงในรูปแบบเลขยกกำลัง
  • \ ใช้ escape character เพื่อแสดงตัวอักษรพิเศษ
  • “text” ใช้เพื่อแสดงข้อความที่กำหนด
  • [ ] ใช้เพื่อกำหนดสีหรือเงื่อนไข

ตัวอย่างการใช้โค้ดรูปแบบตัวเลข

โค้ดผลลัพธ์คำอธิบาย
#,##0.001,234.57เพิ่มจุดทศนิยมสองตำแหน่งและคอมม่า
#,##0.00;[Red]-#,##0.00-1,234.57เพิ่มสีแดงให้กับค่าลบ
#,##0.00_);(#,##0.00)(1,234.57)เพิ่มวงเล็บให้กับค่าลบ
0%10%เพิ่มเครื่องหมาย %
# ?/?1 2/3เพิ่มเศษส่วน
#.00E+001.23E+03เพิ่มรูปแบบเลขยกกำลัง
* #,##0 ** 1,234 *เพิ่ม * ทั้งสองข้าง
"Total "0.00Total 1234.57เพิ่มข้อความ Total   

 

หากต้องการเติมเลข 0 ลงข้างหน้าตัวเลขเบอร์โทรศัพท์ เราสามารถใช้ custom format ใน excel ได้ วิธีการคือ

  • เลือกเซลล์ที่ต้องการจัดรูปแบบ
  • คลิกขวาแล้วเลือก Format Cells
  • เลือกแท็บ Number แล้วเลือกประเภท Custom
  • ในช่อง Type ให้พิมพ์โค้ดรูปแบบตัวเลขที่ต้องการ เช่น 0000000000
  • คลิก OK

โค้ดรูปแบบตัวเลขที่ใช้ใน custom format จะมีหลักการดังนี้

  • 0 แสดงตัวเลขออกมาเสมอ ถ้าไม่มีจะเติมศูนย์
  • แสดงตัวเลขออกมาเฉพาะที่จำเป็น ถ้าไม่มีจะไม่แสดง

  • \ ใช้ escape character เพื่อแสดงตัวอักษรพิเศษ เช่น -
  • “text” ใช้เพื่อแสดงข้อความที่กำหนด

ตัวอย่างการใช้ custom format เพื่อจัดรูปแบบเบอร์โทรศัพท์

เบอร์โทรCustom FormatResult
1234567890(000)000-0000(123)456-7890
1234567890"Tel."0000-0000Tel.1234-5678
1234567890“Call” # ### ###Call 1 234 567

วันศุกร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

ฟังก์ชั่น Select ใน AppSheet

 

                                                     ฟังก์ชั่น SELECT

 

ฟังก์ชั่น SELECT ใน AppSheet เป็นฟังก์ชั่นที่ใช้สำหรับกรองข้อมูลในตารางหรือวิวที่สร้างขึ้นในแอปพลิเคชัน ฟังก์ชั่นนี้ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกแสดงเฉพาะข้อมูลที่ต้องการเท่านั้น โดยใช้เงื่อนไขหรือเปรียบเทียบค่าในแต่ละคอลัมน์

รูปแบบของฟังก์ชั่น SELECT จะเป็นดังนี้:

SELECT(Table[Column], Condition)

โดย Table คือชื่อตารางที่ต้องการกรองข้อมูล และ Column คือชื่อคอลัมน์ที่ต้องการกรองข้อมูล ส่วน Condition คือเงื่อนไขการกรองข้อมูล ซึ่งสามารถใช้ตัวดำเนินการต่างๆ เช่น =, <, >, <=, >=, <> และ AND, OR ได้

ตัวอย่างการใช้งาน SELECT ใน AppSheet เพื่อกรองข้อมูลในตาราง:

SELECT(Orders[Customer Name], [Order Date] > "2022-01-01")

ซึ่งจะกรองแสดงเฉพาะชื่อลูกค้าในตาราง Orders ที่มีวันที่สั่งซื้อหลังจาก 2022-01-01 เท่านั้น

 


 

 


 

 

วันพุธที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

การใช้ Flash Fill ใน Excel

 

                                                          การใช้ Flash Fill ใน Excel

 

 

Flash Fill ใน Excel เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณสามารถตัด ต่อ แปลง หรือจัดรูปแบบข้อมูลในเซลล์ได้อย่างอัตโนมัติ โดยไม่ต้องเขียนสูตร หลักการทำงานของ Flash Fill คือ Excel จะพยายามหารูปแบบ (Pattern) จากข้อมูลที่คุณใส่เป็นตัวอย่าง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่คุณต้องการ12.

วิธีการใช้ Flash Fill ใน Excel มีดังนี้

  1. เตรียมข้อมูลดิบและคอลัมน์ผลลัพธ์ที่คุณต้องการได้
  2. ใส่ตัวอย่างผลลัพธ์ที่คุณต้องการไปซัก 1-2 บรรทัด เพื่อทำการสอน Excel
  3. คลิกที่เซลล์ที่เราสอน (หรือจะคลิกเซลล์ข้างใต้ก็ได้) แล้วกด Ctrl+E ทีละช่อง (ทีละคอลัมน์) เพื่อใช้ Flash Fill
  4. ถ้า Excel ให้ผลลัพธ์ผิด ก็ต้องสอนเพิ่มไปอีกซักบรรทัดนึง เพื่อให้มันฉลาดขึ้น

Flash Fill เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์และสะดวกมาก แต่มันก็มีข้อเสียบ้าง เช่น

  • Flash Fill ใช้ได้แค่ Excel 2013 ขึ้นไปเท่านั้น
  • Flash Fill เป็นการ Stamp ค่าคงที่ลงไปแล้ว ไม่ใช่สูตร ดังนั้นถ้าข้อมูลเปลี่ยนหรือมีข้อมูลใหม่มา ผลลัพธ์จะไม่เปลี่ยนตาม

 

ถ้าคุณต้องการสร้างอีเมล์จากชื่อและนามสกุล คุณสามารถใช้ Flash Fill ได้ดังนี้

  1. ใส่ตัวอย่างผลลัพธ์ที่คุณต้องการไปซัก 1-2 บรรทัด เช่น john.smith@email.com
  2. คลิกที่เซลล์ที่เราสอน (หรือจะคลิกเซลล์ข้างใต้ก็ได้) แล้วกด Ctrl+E ทีละช่อง (ทีละคอลัมน์) เพื่อใช้ Flash Fill
  3. Excel จะพยายามหารูปแบบ (Pattern) จากข้อมูลที่คุณใส่เป็นตัวอย่าง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่คุณต้องการ

ตัวอย่าง 

 

ชื่อนามสกุลอีเมล์
JohnSmithjohn.smith@email.com
MaryJonesmary.jones@email.com
PeterLeepeter.lee@email.com

Flash Fill จะเติมข้อมูลให้คุณโดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องเขียนสูตร

ดูตัวอย่างการใช้งาน ได้ที่   


 


 

 

 

วันอังคารที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

การใช้คำสั่ง TextSplit ใน Excel

 

สูตร TEXTSPLIT ใน Excel เป็นฟังก์ชันที่ช่วยในการแยกข้อความออกเป็นคอลัมน์หรือแถวตามตัวคั่นที่กำหนด โดยใช้ฟังก์ชันนี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถแยกข้อความออกเป็นคอลัมน์หรือแถวได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องใช้วิธีการแบ่งข้อความด้วยตัวเอง ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาและลดความผิดพลาดได้เป็นอย่างมา

 

สูตรการใช้งาน TEXTSPLIT ใน Excel มีรูปแบบดังนี้:

 

=TEXTSPLIT(text,col_delimiter,[row_delimiter],[ignore_empty], [match_mode], [pad_with])

โดยที่:

  • text: เป็นข้อความที่ต้องการแยก
  • col_delimiter: เป็นตัวคั่นที่ใช้แยกข้อความเป็นคอลัมน์
  • row_delimiter: เป็นตัวคั่นที่ใช้แยกข้อความเป็นแถว
  • ignore_empty: เป็นการเลือกว่าจะไม่แสดงผลลัพธ์ที่เป็นช่องว่างหรือไม่ (TRUE/FALSE)
  • match_mode: เป็นการเลือกว่าจะให้การแยกข้อความเป็นตัวพิมพ์เล็กหรือตัวพิมพ์ใหญ่ (0/1)
  • pad_with: เป็นการเลือกว่าจะเติมช่องว่างหรือไม่ (TRUE/FALSE)

 ตัวอย่างการใช้งาน Textsplitที่ 1

=TEXTSPLIT("apple,banana,orange",",")

ผลลัพธ์ที่ได้คือ

apple
banana
orange

ตัวอย่างการใช้งาน Textsplit ที่ 2

=TEXTSPLIT(A2:A4," ")

ชื่อ - นามสกุลFirst NameLast Name
John DoeJohnDoe
Jane SmithJaneSmith
Jim BrownJimBrown


ตัวอย่างการใช้งานอื่น ๆ ดูได้ที่